วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2555

ทดสอบปลายภาค

1. แท็บเล็ตเพื่อการศึกษา ให้นักศึกษาอ่านบทความอย่างน้อย 3 บทความหรือมากกว่า ใช้Keywordว่า "แท็บเล็ตเพื่อการศึกษา"ให้เขียนเชื่อมโยง วิเคราะห์ลงในบล็อกของนักเรียน
แท็บเล็ต คือ "เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่สามารถพกพาได้และใช้หน้าจอสัมผัสในการทำงานเป็นอันดับแรก ออกแบบให้สามารถทำงานได้ด้วยตัวมันเอง"
ข้อดี
แท็บเล็ตเป็นเทคโนโลยีที่จะช่วยสร้างความเท่าเทียมทางการศึกษาให้กับเด็ก ๆ ทำให้ครูสามารถเข้าถึงรูปภาพ วีดิโอคลิป และข้อมูลข่าวสารจากทั่วโลก เพื่อใช้สร้างบทเรียนที่น่าสนใจให้แก่นักเรียน ทำให้นักเรียนตั้งใจเรียนมากขึ้น เป็นการเปิดโลกทัศน์ให้เด็ก ๆ ได้ศึกษาวัฒนธรรมต่างแดนผ่านอินเทอร์เน็ตได้ทุกที่ทุกเวลา ใช้เป็นวิดีโอแชทกับชาวต่างชาติเพื่อฝึกภาษาอังกฤษโดยไม่ต้องเขินอายเหมือนกับการสื่อสารต่อหน้าจริง ๆ และทำให้การเรียนเป็นเรื่องสนุกและเข้าใจง่ายขึ้น แตกต่างจากการเรียนจากหนังสือซึ่งน่าเบื่อและเข้าใจยากกว่า
ข้อเสีย
เด็กจะอยู่คนเดียว เล่นคนเดียว หรือเล่นกับเพื่อนสองสามคน ขาดหรือออกกำลังกายน้อยลง มีปัญหาเรื่องสายตา กล่าวคือมีปัญหาด้านสุขภาพ และยังเป็นการปูพื้นฐานให้เด็กคุ้นเคยกับการเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ ทำให้ผลการเรียนตกต่ำลง เนื่องจากติดเกมส์
ที่มา
รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
http://ta6let.com/advantage
http://www.mict.go.th/ewt_news.php?nid=5282&filename=inde

2.อ่านบทความเรื่องสมาคมอาเซียนอ่านบทความอย่างน้อย 3 บทความหรือมากกว่า ใช้ Keywordว่า "สมาคมอาเซียน" ให้เขียนวิเคราะห์ ประเทศไทย ประเทศเพื่อนบ้าน การเตรียมตัวเป็นครู นักเรียน นักศึกษา เพื่อไปสู่อาเซียนได้อย่างไร
สมาคมอาเซียน หรือสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีสมาชิก10 ประเทศ คือ   ไทย มาเลย์เซีย สิงคโปร์ ลาว กัมพูชา อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ บรูไน เวียดนาม พม่า ประชาคมอาเซียน ก่อตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เริ่มแรกเพื่อสร้างสันติภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อันนำมาซึ่งเสถียรภาพทางการเมือง และความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม และเมื่อการค้าระหว่างประเทศในโลกมีแนวโน้มกีดกันการค้ารุนแรงขึ้น ทำให้อาเซียนได้หันมามุ่งเน้นกระชับและขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าระหว่างกันมากขึ้น
ในอนาคต คนไทยจะได้รับประโยชน์จากการรวมตัวเป็นประชาคมของอาเซียนมากน้อยเพียงใดย่อมขึ้นอยู่กับการเตรียมความพร้อมของเรา ดังนั้น การสร้างความตื่นตัวและให้ความรู้กับประชาชน จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้ตระหนักถึงโอกาสและเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันซึ่งจะช่วยให้คนไทยได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ ในขณะเดียวกันก็ต้องป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบในทางลบแก่ภาคส่วนต่าง ๆ
ระหว่างประเทศเพื่อนบ้านกับประเทศไทยจะมีการขนส่งจากท่าเทียบเรือทางทะเลฝั่งขวาไปยังฝั่งซ้าย และจากการที่ไทยอยู่ตรงกลางทำให้เราขายของได้มากขึ้นเพราะเราจะส่งของไปท่าเรือทางฝั่งซ้ายก็ได้ ทางฝั่งขวาก็ได้  ที่ดินในไทยบริเวณดังกล่าวก็น่าจะมีราคาสูงขึ้น การเตรียมตัวเป็นครู นักเรียน นักศึกษา เพื่อไปสู่อาเซียน
1. ทักษะทางภาษา โดยเฉพาะภาษาอังกฤษและภาษาเพื่อนบ้านของอาเซียน ซึ่งครูต้องผลักดันให้เด็กกล้าพูด กล้าแสดงออก โดยต้องเรียนรู้เพื่อให้สื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
            2. ทักษะทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ครูต้องเป็นผู้นำถ่ายทอดให้นักเรียนใช้เทคโนโลยีในการเรียนรู้ รวมถึงการสร้างเครือข่ายร่วมกับสถานศึกษาของประเทศสมาชิก โดยส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ถึงวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ระหว่างกัน
            3. ทักษะวิชาชีพ ต้องเร่งพัฒนาความสามารถทางทักษะอาชีพให้แรงงานไทยมีฝีมือ สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ โดยเฉพาะการเปิดเสรีตลาดแรงงานในปี ๒๕๕๘ จะมีการเคลื่อนย้ายของแรงงงานใน ๗ สาขาวิชาชีพ รวมถึงอาชีพการบริการ ๓๒ สาขา ในด้านการให้บริการโรงแรมและการอาหาร
ที่มา
บทความเรื่อง ครูไทย...เตรียมพร้อมก่อนขึ้นสังเวียนอาเซียนโดยอาจารย์ณัฏฐ์วรดี คณิตินสุทธิทอง  มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี
http://xn--42cle0dg2bid7g0axd4b6k.net/
http://www.sriputtangul.com/index.php?option=com_content&view=article&id=204&Itemid=96

3.อ่านบทความครูกับภาวะผู้นำของ ผศ.ดร.สมาน คำฟูแสง ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับครู ให้ยกตัวอย่าง ประกอบ แสดงความคิดเห็น บทความ ผศ.ดร.สมาน คำฟูแสง
จากบทความของ ผศ.ดร.สมาน ฟูแสง คณบดีคณะครุศาสตร์ ได้พูดถึงครูกับภาวะผู้นำทางวิชาการ  จะเห็นได้ว่าครูที่มีความสามารถในการจัดการเรียนการสอนจะเป็นที่ยอมรับของบุคคลที่เกี่ยวข้องในสายงานจนก่อให้เกิดความร่วมมือในการเรียนการสอน   ซึ่งดิฉันคิดว่าครูในปัจจุบันควรจะมีภาวะผู้นำในตนเองเพื่อที่จะสร้างความศรัทธา  ความไว้วางใจ สร้างแรงบันดาลใจ  และการยอมรับให้เกิดขึ้นกับตัวครูผู้สอน  และการที่ครูจะมีภาวะผู้นำในการเรียนการสอนได้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่มั่นแสวงหาความรู้  เป็นคนที่ทันต่อเหตุการณ์  รู้ข้อมูลเกี่ยวกับเด็ก  และจัดการเรียนการสอนโดยการให้เด็กร่วมกันทำงานเป็นกลุ่มพร้อมทั้งกระตุ้นให้เด็กเกิดความคิดใหม่ๆ และกล้าที่จะเป็นผู้นำ

4.ให้นักศึกษา แสดงความคิดเห็นและประเมินวิชานี้ว่า การเรียนรู้โดยใช้บล็อก นักศึกษามีวิธีการเรียนรู้อย่างไร แสดงความคิดเห็นหากจะเรียนรู้โดยใช้บล็อก ต่อไปข้างหน้าโอกาสจะเป็นอย่างไร ควรที่จะให้คะแนนวิชานี้อย่างไร และหานักเรียนต้องการจะได้เกรดในวิชานี้ นักเรียนจะต้องพิจารณาว่า
    4.1 ตนเองมีความพยายามมากน้อยเพียงใด
    4.2 เข้าเรียนทุกครั้งไม่เคยขาดเรียน
    4.3 ทำงานส่งผ่านบล็อกตามกำหนดทุกครั้งที่อาจารย์สั่งงาน
    4.4 ทำงานบทบล็อกด้วยความคิดของตนเองไม่ใช้ความคิดคนอื่น
    4.5.สิ่งที่นักเรียนตอบมานั้นเป็นความสัตย์จริง เขียนอธิบายลงในบล็อก
    4.6.อาจารย์จะพิจารณาจากผลงานและความตั้งใจ ความสื่อสัตย์ตนเอง และบอกเกรดว่าควรจะได้เท่าไร แสดงความคิดเห็น
การใช้บล็อกในการเรียนการสอนนั้นมีประโยชน์ในการทำงานมาก เพราะงานนั้นไม่ได้สูญหาย อีกทั้งยังสะดวกในการทำ เราสามารถลิงค์หากันได้ด้วย สำหรับการให้คะแนนวิชานี้ จะให้ที่ระดับดีมาก เพราะเป็นการเรียนรู้ที่แปลกใหม่สำหรับดิฉัน และยังสามารถนำไปใช้ในการเรียนการสอนในอนาคตและประยุกต์ใช้กับวิชาอื่นๆ ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย นับว่าอาจารย์เป็นผู้ที่มองการไกลมาก เพราะในอนาคต ดิฉันคิดว่าบล็อกต้องเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการเรียนการสอนอย่างแน่นอน
ควรจะได้เกรด A ในการเรียนวิชานี้เพราะดิฉันมีความตั้งใจเป็นอย่างมากเนื่องจากในการเรียน ดิฉันเข้าเรียนทุกครั้ง และทำงานส่งตามกำหนดเกือบทุกครั้ง และในการทำบล็อกแต่ละครั้งดิฉันได้ทำด้วยตนเอง ที่ดิฉันได้ตอบมานั้นเป็นความสัตย์จริง

วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เรียงความวันแม่


ตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ได้เรียนรู้                       แม่เฝ้าดูอยู่ข้างกายไม่หน่ายหนี
อยากเห็นลูกสุขสบายในชีวี                                        เป็นคนดีที่สังคมนั้นชมเชย
 แม่เปรียบเสมือนครูคนแรกของฉัน เป็นคนสอนให้ฉันรู้จักกับคำ คำแรกของชีวิต คำแรกที่ฉันพูดได้คือคำว่าแม่ คำที่มีความหมายมากที่สุดในชีวิตของฉันแม่ตั้งท้องฉันมาตั้งเก้าเดือน หนักแค่ไหนแม่ไม่เคยบ่น แม่เสียสละทั้งกายและใจเพื่อลูกได้ ถึงแม้จะหิวขนาดไหนแม่ก็ไม่เคยบ่นเลย ขอให้ลูกได้อิ่มก็พอแล้ว แม่เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ที่คอยส่องแสงให้ฉันในยามที่ฉันท้อแท้ หมดแรง หมดหวัง กำลังใจทุกอย่างก็มีแต่แม่ที่คอยให้กำลังใจให้ฉันเสมอมา
ก้าวแรกในชีวิตของฉัน คำพูดคำแรกเกิดขึ้นได้ก็เพราะแม่ แม่ที่คอยเสียสละหยาดเหงื่อแรงกายเพื่อฉัน ทำงานหนักเพื่อฉันทุกหยาดเหงื่อที่ไหลหยดลงมาแม่ไม่เคยคิดว่ามันคือความเหนื่อยหรือความยากลำบากแม้แต่น้อยแต่แม่ของฉันคิดว่าหยาดเหงื่อที่ไหลหยดลงมานั้นคืออนาคตของฉัน แม่ของฉันเปรียบเสมือนพยาบาลที่ทำงานดูแลฉันโดยไม่คิดค่าแรงใดๆเลย ยามที่ฉันป่วยไข้ ไม่สบายก็มีแต่แม่ที่คอยดูแลอยู่ตลอดเวลา บางคืนก็ไม่ได้นอนด้วยซ้ำไป แต่ฉันก็ไม่เคยเห็นแม่บ่นเลยแม้แต่น้อย
บางครั้งในเวลาที่ฉันเศร้าไม่สบายใจทุกข์ใจ ฉันก็มองกลับไปดูก็เห็นแต่แม่ที่เศร้ากว่า ตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่มาจนถึงทุกวันนี้ก็เพราะแม่ บางครั้งที่ฉันทำผิดก็ดุด่าแต่ฉันก็เข้าใจว่าทุกคำที่แม่ด่าคือความหวังดีไม่อยากให้ลูกทำผิด ฉันจึงจะพยายามทำทุกอย่างให้แม่มีคามสุข ไม่ผิดหวังกับฉันที่แม่ทำทุกอย่างทนหนักทนลำบากในการทำงานที่แลกด้วยหยาดเหงื่อก็ขอเพียงแต่เห็นลูกประสบความสำเร็จในชีวิต ฉันจะพยายามตั้งใจเรียนให้สบกับที่แม่ของฉันได้ลงทุนไปด้วยหยาดเหงื่อ ฉันจะไม่ยอมให้เหงื่อทุกหยดของแม่สูญเปล่า
สองมือนั้นประกบลง พนมไหว้                    ด้วยหัวใจ  ที่คงรัก แม่เสมอ
แม่เจ็บช้ำ เศร้าใจ นอนละเมอ                                    ลูกพร่ำเพ้อ แค่ไหน แม่เตือนเอา
ครบกำหนด ลูกเกิด วันเจ็บ                            แม่ทนเก็บ ความเศร้า ลูกสมหวัง
ลูกผิดพลาด ทุกอย่าง แม่รับฟัง                                  ลูกสมหวัง แม่มีสุข หมดทุกข์ใจ


กิจกรรมที่ 9

การจัดบรรยากาศในชั้นเรียนที่ดี

การจัดบรรยากาศในชั้นเรียน เป็นสิ่งสำคัญในการช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนและส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถรับผิดชอบควบคุมดูแลตนเองได้ในอนาคต การจัดบรรยากาศมีทั้งด้านกายภาพ เป็นการจัดสภาพแวดล้อมในห้องเรียนทั้งการจัดตกแต่งในห้องเรียน จัดที่นั่ง จัดมุมเสริมความรู้ต่างๆ ให้สะดวกต่อการเรียนการสอน ทางด้านจิตวิทยา เป็นการสร้างความอบอุ่น ความสุขสบายใจให้กับผู้เรียน ผู้สอนควรจัดบรรยากาศทั้ง 2 ด้านนี้ให้เหมาะสม นอกจากนี้การสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ให้เกิดความสุขแก่ผู้เรียนเป็นองค์ประกอบสำคัญประการหนึ่งที่จะสร้างคุณลักษณะนิสัยของการใฝ่เรียนรู้ การมีนิสัยรักการเรียนรู้ การเป็นคนดี และการมีสุขภาพจิตที่ดี สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขทั่งในปัจจุบันและอนาคตต่อไป



วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2555

กิจกรรมที่ 8

ครูมืออาชีพในอุดมคติ

ครูในอุดมคติของข้าพเจ้า คือต้องเป็นนักประชาธิปไตย ครูจะต้องไม่เป็นเผด็จการ ต้องให้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น โดยยินดีรับฟังความคิดเห็นของนักเรียนอย่างจริงใจและจริงจัง โดยเมื่อนักเรียนวิพากษ์วิจารณ์ก็เอาไปพิจารณาแล้วปรับปรุง ครูจะให้นักเรียนได้มีความสุขในการเรียนหนังสือ โดยจุดประสงค์สูงสุดของครูคือ ความสุขของเด็กครูจะสอนให้นักเรียนแต่ละคนรู้จักเสียสละ มีความเมตตากรุณา ครูนั้นจะเป็นอันดับหนึ่งในทุกศาสตร์ทุกแขนงในการนำพาลูกศิษย์สู่ปัญญาอันมีความงาม ความดี ความจริงอยู่ด้วย


วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

กิจกรรมทดสอบกลางภาคเรียน

บทความเรื่อง สอนแนะให้รู้จักคิดรูปแบบหนึ่งการจัดการเรียนการสอนคณิตศาสตร์

1.ข้อสรุปที่ได้จากบทความ
การสอนแนะให้รู้คิด  เป็นนวัตกรรมหนึ่งที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพในการจัดการเรียนการสอน เป็นการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนเกี่ยวกับองค์ความรู้และทักษะพื้นฐานในการแก้ปัญหา ซึ่งหลักการของการจัดการเรียนรู้แบบการสอนแนะให้รู้คิด คือ ควรพัฒนาความเข้าใจของนักเรียนโดยเน้นที่ความสำคัญระหว่างทักษะและการแก้ปัญหา  ควรจัดสถานการณ์ให้นักเรียนลงมือทำกิจกรรมเพื่อสร้างความรู้ด้วยตนเอง นักเรียนสามารถเชื่อโยงปัญหา มโนทัศน์ หรือทักษะกับความรู้เดิมได้ และจะต้องมีการประเมินนักเรียนอยู่เสมอ

2.ถ้าท่านเป็นครูผู้สอนท่านจะนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์กับการเรียนการสอนได้อย่างไร
-                   สร้างบรรยากาศที่ส่งเสริมให้นักเรียนรู้สึกดีต่อการเรียนวิชาคณิตศาสตร์
-                   ให้ผู้เรียนช่วยกันอภิปรายเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันจนได้ข้อสรุปและช่วยกันแก้ปัญหา
-                   ส่งเสริมให้เด็กทำงานเป็นกลุ่มเพื่อให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กันในชั้นเรียน

3.ในฐานะที่นักศึกษาจะเป็นครูในอนาคตจะออกแบบการเรียนการสอนที่จะนำแนวคิดนี้ไปใช้ได้อย่างไร 
                จะออกแบบโดยขั้นแรกครูจะนำเสนอปัญหาตามวัตถุประสงค์และความมุ่งหมายที่ตั้งไว้ เลือกปัญหาที่น่าสนใจและสอดคล้องกับบริบทในชีวิตจริงของนักเรียน ขั้นที่สองครูช่วยแนะให้นักเรียนมีความเข้าใจในปัญหา และเปิดโอกาสให้นักเรียนแก้ปัญหา ข้นที่สามนักเรียนรายงานคำตอบและวิธีการแก้ปัญหาหลังจากนั้นครูถามนักเรียนถึงวิธีการที่พวกเขาใช้ในการแก้ปัญหาพร้อมเหตุผล ขั้นสุดท้ายครูและนักเรียนช่วยกันอภิปรายคำตอบและวิธีการที่แตกต่าง โดยครูเป็นผู้นำให้เกิดการอภิปรายโดยใช้คำถาม



บทความเรื่อง ความเป็นครูของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของดร.สุเมธ ตันติเวชกุล วารสารทักษิณ

1.ข้อสรุปที่ได้จากบทความ
                ความเป็นครูของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ พระองค์ทรงสอนโดยพยายามจูงใจให้นักเรียนมาสนใจและเข้าใจด้วยตนเอง สอนให้ทำประโยชน์แก่ส่วนรวม ในเรื่องของการศึกษา พระองค์ทรงรับสั่งว่า “ประเทศชาติจะเจริญหรือเสื่อมลงนั้นย่อมขึ้นอยู่กับการศึกษาของประชาชนแต่ละคนเป็นสำคัญ”  ทรงแสวงหาความรู้อยู่เสมอ และพระองค์ยังทรงคิดโครงการต่างๆเพื่อให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และยังสอนให้เราดำรงชีวิตโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง

2.ถ้าท่านเป็นครูผู้สอนท่านจะนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์กับการเรียนการสอนได้อย่างไร
ข้าพเจ้าจะทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ผู้เรียน สอนโดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ ให้ผู้เรียนได้คิดเป็น ทำเป็น และนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
 
3.ในฐานะที่นักศึกษาจะเป็นครูในอนาคตจะออกแบบการเรียนการสอนที่จะนำแนวคิดนี้ไปใช้ได้อย่างไร 
ข้าพเจ้าจะออกแบบการสอนโดยอันดับแรกจะสอนให้ผู้เรียนเข้าใจ จากนั้นให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติจริง สามารถแก้ปัญหาเป็น และนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

กิจกรรมที่ 7


โทรทัศน์ครู
1.สอนเรื่องอะไร ผู้สอนชื่อ ระดับที่สอน
เรื่อง ตลาดนัดคณิตศาสตร์
ผู้สอน อ.สมบูรณ์ สุทธิชื่น  ร.ร.อนุบาลบางกรวย (วัดศรีประวัติ)
ระดับ ประถมศึกษา

2. เนื้อหาที่ใช้สอนมีอะไรบ้าง
เนื้อหาที่ใช้สอนมีในเรื่องของ โจทย์ปัญหาการบวก การลบ การคูณ และการหาร เรื่องเงิน ซึ่งครูสมบูรณ์ สุทธิชื่น เป็นครูที่เข้าใจธรรมชาติของวิชาคณิตศาสตร์อย่างแท้จริง รู้ปัญหาของการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียน และรู้ปัญหาการของสอนของบครูที่ยึดติดกับตัวตำราเดิมๆหรือยึดแนวการสอนของสำนักพิมพ์ใดสำนักพิมพ์หนึ่ง ด้วยครูสมบูรณ์ สุทธิชื่นเป็นผู้ที่มีแนวคิดที่ทันสมัย ให้นักเรียนได้เรียนรู้จากเทคนิคการสอนที่หลากหลาย ทำให้นักเรียนไม่เบื่อหน่ายการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ และสร้างเจตคติที่ดีให้กับนักเรียน และสิ่งที่น่าสนใจคือการนำวิชาคณิตศาสตร์มาประยุกต์ใช้จริงกับสถานการณ์ปัจจุบัน เอาคณิตศาสตร์มาเรียนรู้นอกห้องเรียนในรูปแบบของตลาดนัด เด็กได้ฝึกทักษะการคิดคำนวณจากการเผชิญสถานการณ์จริง นักเรียนชอบการเรียนรู้ ผู้ปกครองได้เห็นพัฒนาการการเรียนรู้ของบุตรหลาน ครูก็พลอยยินดีกับความสำเร็จในการเรียนรู้ของนักเรียน เป็นเทคนิคการสอนที่มีประโยชน์ สามารถในไปใช้ได้จริง และไม่ยุ่งยาก

3. จัดกิจกรรมการสอนด้าน (สติปัญญา=IQ, อารมณ์=EQ, คุณธรรมจริยธรรม=MQ)
สติปัญญา=IQ
- นักเรียนกล้าที่จะตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นในเรื่องโจทย์ปัญหา เรื่องเงิน
อารมณ์=EQ
- นักเรียนมีส่วนร่วมในการร้องเพลงเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ ทำให้นักเรียนไม่เบื่อ
- นักเรียนสนุกในการเรียน มีเสียงหัวเราะ หน้าตายิ้มแย้มขณะที่ทำกิจกรรม
- มีเกมส์ให้นักเรียนเล่น
- เน้นให้นักเรียนมีความสุขในการเรียน
คุณธรรมจริยธรรม=MQ
- นักเรียนมีความสามัคคี ช่วยเหลือเพื่อน ไม่เห็นแก่ตัว
- นักเรียนร่วมกันทำกิจกรรมกลุ่มเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
- นักเรียนมีเจตคติที่ดีต่อวิชาคณิตศาสตร์
- นักเรียนมีความซื่อสัตย์ ไม่ทุจริต

4. บรรยากาศการจัดห้องเรียน เป็นอย่างไร
บรรยากาศในห้อง นักเรียนทุกคนร่วมกันทำกิจกรรมร่วมกันคิดและตอบคำถามที่อาจารย์สอน มีการร้องเพลงอย่างสนุกสนาน ภายในห้องเรียนยังมีการจัดโต๊ะเรียนอย่างเป็นระเบียบ และมีการทำกิจกรรมนอกห้องเรียน นักเรียนร่วมกลุ่มกันเพื่อช่วยกันขายของในวันเถ้าแก่น้อย นักเรียนชอบเพราะได้รับประสบการณ์โดยตรง และนักเรียนยังได้ทำกิจกรรมร่วมกันผู้ปกครองและชุมชน


วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

กิจกรรมที่ 6


กิจกรรมที่ 5

ให้นักศึกษาศึกษาครูที่นักเรียนที่ชอบ ดังนี้
1.ประวัติการศึกษาย่อ ๆ
ชื่อ : อริสรา ธนาปกิจ
ชื่อเล่น : แนน
วันเกิด : 19 มิถุนายน พ.ศ.2521
อายุ : 30 ปี
ที่อยู่ : 380/341 ม.ศุภาลัยวิลล์ ซ.อาภาภิรมย์ ถ.รัชดา เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
E-mail :
arisara_n@yahoo.com
ประวัติการศึกษา
- 2000 ปริญญาโทบริหารธุรกิจ (สาขาพฤติกรรมองค์กร) จากศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (โครงการความร่วม มือระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กับ University of Pensylvania & Northwestern University)
- 1995 ปริญญาตรี คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (เอกภาษาเสปน โทภาษาอังกฤษ)
- 1991 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
- 1990 โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสเซเวียร์ คอนแวนต์
2.ประวัติการทำงาน ย่อ ๆ
- เป็นผู้ร่วมก่อตั้งและสร้างสรรค์หลักสูตรของ Enconcept E-Academy 
- อาจารย์พิเศษโครงการ Tutor Channel ของกระทรวงศึกษาธิการ
- อาจารย์พิเศษของโรงเรียนมัธยมศึกษาและมหาวิทยาลัยชื่อดังกว่า 100 แห่งทั่วประเทศ
- รับเชิญจากหน่วยงานราชการต่างๆ ให้เข้าสอนนักเรียนทั้งจังหวัด อาทิ จังหวัดปัตตานี กาฬสินธุ์ บุรีรัมย์ น่าน เชียงราย ลำปาง เป็นต้น
- วิทยากรให้กับองค์กรต่างๆ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย เครือเซ็นทรัล บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด ( มหาชน) เป็นต้น
- ได้รับเชิญเป็นอาจารย์พิเศษ (visiting professor) บรรยายที่ University of Essex และ Writtle College ณ ประเทศอังกฤษ
- คอลัมนิสต์ นิตยสาร Nation Junior, Bangkok Post, I get English, และ Miracle of life
- อดีตพิธีกรรายการ Red Seed ช่อง 3 ช่วง Seed on Scene (สนทนาภาษาหนัง)
- บทสัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์ นิตยสาร และเป็นแขกรับเชิญในรายการโทรทัศน์และวิทยุต่างๆ เช่น หนังสือพิมพ์มติชน, นิตยสาร Who, นิตยสารกุลสตรี, นิตยสารดิฉัน, นิตยสารแพรว, นิตยสารพลอยแกมเพชร,นิตยสาร Cawaii, นิตยสาร Seventeen, รายการสะบัดช่อ, รายการผู้หญิงถึงผู้หญิง, รายการบ้านเลขที่ 5,รายการข่าวทุกช่อง ฯลฯ
3.ผลงานของครูที่นักเรียนชอบ
วิทยากรโครงการเพื่อการศึกษา อาทิ โครงการ Brand Summer Camp, โครงการทบทวน ความรู้สู่มหาวิทยาลัยกับมาม่า, โครงการเก่งภาษากับ AIS, โครงการ 1-2-Call! Enjoy English ฟิตกับครูพี่แนน โครงการ Taro Free Net, โครงการ Camp to University 2009 โดยบริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน)
4.นักเรียนประยุกต์สิ่งที่ดีของครูมาใช้ในการพัฒนาตนเอง
การนำสิ่งดีๆของครูมาใช้ในการพัฒนาตนเอง คือ การยึดเอาหลักการสอนโดยเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง มีการให้เด็กลงมือปฏิบัติมากกว่าจะเรียนแต่ทฤษฎี และนำเอาโครงงานมาประกอบในการเรียนเพราะฝึกการทำงานเป็นทีมและฝึกทักษะด้านการคิดของผู้เรียนและการเป็นมิตรกับผู้เรียนมากกว่าจะดุผู้เรียนเมื่อทำผิดแต่จะพูดดีๆและถามถึงเหตุผล


วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

กิจกรรมที่ 4

สรุปการทำงานเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพ

ทีม  หมายถึง  กลุ่มของบุคคลที่ทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์เดียวกัน  โดยสมาชิกต้องเสียสละความเป็นส่วนตัว มีความเข้าใจ มีความผูกพันและให้ความร่วมมือกัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของทีมได้
ความสำคัญของการทำงานเป็นทีม
การทำงานเป็นทีม  จะเป็นประโยชน์ และมีโอกาสประสบผลสำเร็จมากกว่าการทำงานคนเดียวแต่การสร้างทีมงานนั้นต้องใช้ เวลา ในการพัฒนาบุคคล  และทีมงานพอสมควร จึงจะเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพ
ทีมงานที่มีประสิทธิภาพ
สมาชิกทุกคนต้องเข้าใจวัตถุประสงค์และเป้าหมายชัดเจน จริงใจและรับฟังกัน ร่วมมือกันแก้ปัญหาและใช้ความขัดแย้งใจเชิงสร้างสรรค์ มีการพัฒนาตนเอง สามารถรวมกลุ่มกันได้เป็นอย่างดี
ขั้นตอนการทำงานเป็นทีม ได้แก่  วิเคราะห์งาน กำหนดเป้าหมายร่วมกัน วางแผนการทำงาน ดำเนินกิจกรรม แบ่งงานให้สมาชิกของทีม ปฏิบัติจริงตามแผน ติดตามผลและนิเทศงาน ประเมินขั้นสุดท้าย
อุปสรรคการทำงานเป็นทีม คือขาดการตกลงกันตั้งแต่เริ่มต้น  ขาดการวางแผนงานและเวลา ขาดการประเมินผลการทำงานของทีม
แนวทางการลดปัญหาในการทำงานเป็นทีม ควรสร้างบรรยากาศในการทำงานที่ดี มีเป้าหมายงานมีการวางแผนที่ชัดเจน ยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น และให้ทุกคนมีวินัยในการทำงาน

ตอบคำถาม เรื่อง การทำงานเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพ
1.แนวคิดหลักการทำงานเป็นทีม เป็นอย่างไร
แนวคิดและหลักการทำงานเป็นทีมนั้นควรมี 3 ประการคือ
1. การยอมรับความแตกต่างของบุคคล
2. แรงจูงใจของมนุษย์
3. ธรรมชาติมนุษย์
2. นักศึกษาจะมีวิธีการทำงานเป็นทีมให้มีประสิทธิภาพทำอย่างไร  ยกตัวอย่างประกอบ
                ในการทำงานให้มีประสิทธิภาพนั้นก่อนอื่นจะต้องรู้จักตนเองและรู้จักเพื่อนร่วมงาน สามารถรวมกลุ่มกันเป็นอย่างดี สมาชิกทุกคนต้องทุ่มเทกำลังกาย ความคิดและตระหนักว่าเป็นผลงานของทีม ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง ทุกคนจะต้องช่วยเหลือกัน มีความสามัคคีกันร่วมมือร่วมใจกันแก้ปัญหา รู้จักหน้าที่และความรับผิดชอบของตนเอง


กิจกรรมที่ 3

การจัดชั้นเรียนของครู ยุคศตวรรษที่ 21

1. การจัดการเรียนการสอน  จัดชั้นเรียน  เตรียมการสอน ในยุคศตวรรษที่ 21 กับยุคก่อนศตวรรษที่ 21 เปรียบเทียบกันแตกต่างกันอย่างไร 
ตอบ   ในยุคก่อนศตวรรษที่ 21 เป็นการเตรียมตัวเพื่อชีวิต ดังนั้นเมื่อถึงระยะหนึ่ง การเรียนรู้ก็จะสิ้นสุดลงเพื่อการเริ่มต้นของชีวิต การศึกษาส่วนใหญ่เกิดขึ้นในโรงเรียนเท่านั้นจึงต้องการหลักสูตรที่มีการกำหนดรายละเอียดของเนื้อหาไว้ทั้งหมดแล้ว โดยผู้ที่มีความรู้เป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ มนุษย์จึงไม่รู้จักเรียนรู้ด้วยตนเอง แต่ในยุคศตวรรษที่ 21 นี้ การเรียนรู้คือชีวิต การเรียนรู้เกิดขึ้นได้ทุกหนทุกแห่ง มนุษย์สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง โรงเรียนต้องมีหลักสูตรที่หลากหลาย จึงทำให้ผู้เรียนสามารถตัดสินใจเลือกเรียนตามความถนัดของตนเองได้

2. ครูผู้สอนจะต้องเตรียมตัวอย่างไรในอนาคตที่ท่านจะเป็นครูยุดต่อไปข้างหน้า ให้สรุปตามแนวคิดของนักศึกษา
ตอบ  ในอนาคตครูที่ดีจะต้องมีความพร้อมในทุกๆเรื่อง นอกจากความรู้ในศาสตร์ของตนเองแล้วจะต้องมีความรู้รอบตัวเพื่อที่จะได้พัฒนาการสอนให้ดีขึ้น เตรียมตัวในเรื่องของภาษาและเทคโนโลยีเนื่องจากโลกของเรามีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ครูยุคใหม่จะต้องเป็นคนที่ทันโลกอยู่ตลอดเวลา


วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2555

กิจกรรมที่ 2

ทฤษฏีการบริหารการศึกษา

Abraham Harold Maslow : มาสโลว์ เป็นเจ้าของทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการ เขาเป็นผู้วางรากฐานจิตวิทยามนุษยนิยม เขาได้พัฒนาทฤษฎีแรงจูงใจ ทฤษฎีของเขามีพื้นฐานอยู่บนความคิดที่ว่า การตอบสนองแรงขับเป็นหลักการเพียงอันเดียวที่มีความสำคัญที่สุดซึ่งอยู่เบื้องหลังพฤติกรรมของมนุษย์ เขามีความเชื่อว่า มนุษย์มีแนวโน้มที่จะมีความต้องการอันใหม่ที่สูงขึ้น แรงจูงใจของคนเรามาจากความต้องการ พฤติกรรมของคนเรามุ่งไปสู่การตอบสนองความพอใจซึ่งแบ่งความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ออกเป็น 5 ระดับด้วยกัน ได้แก่ ความต้องการทางกายภาพ , ความต้องการความปลอดภัย , ความต้องการทางสังคม , ความต้องการยกย่องชื่อเสียง
Douglas Mc Gregor : ทฤษฎี X เป็นปรัชญาการบริการจัดการแบบดั้งเดิม โดยมองว่าพนักงานเกียจคร้าน ไม่กระตือรือร้น ไม่ชอบงานและพยายามหลีกเลี่ยงงาน ทฤษฎี Y เป็นปรัชญาการบริการจัดการ โดยมองว่าพนักงานมีความรับผิดชอบ มีความคิดริเริ่มในการแก้ปัญหาในการทำงานและไม่มีความเบื่อหน่ายในการทำงาน
แมคเกรเกอร์ ได้เรียกร้องให้ผู้บริหารเปลี่ยนแปลงมุมมองมนุษย์จากมุมมองตามทฤษฎี X ไปเป็นมุมมองตามทฤษฎี Y
William Ouchi : ทฤษฎี Z เป็นทฤษฎีลูกผสมระหว่างญี่ปุ่นกับอเมริกัน หรือทฤษฎีร่วมสมัย เป็นทฤษฎีที่มองเห็นว่าการจูงใจคนนั้นต้องเป็นไปตามสถานการณ์ ดังนั้นวิลเลี่ยม จึงศึกษาถึงจุดดีของการบริหารจัดการจากสองค่ายนำมาสร้างเป็นแนวคิดขึ้นมาเมื่อไม่นานมานี้ การที่จะทำความเข้าใจทฤษฎี Z ได้นั้น ต้องทำความเข้าใจของทฤษฎี A และทฤษฎี J ก่อน ทฤษฎี A คือเป็นทฤษฎีว่าด้วยการบริหารจัดการร่วมสมัยตามแบบของอเมริกาการบริหารจัดการแบบนี้ต้องอาศัยการจัดการจากพื้นฐานของบุคคล ทฤษฎี J คือ การบริหารจัดการแบบญี่ปุ่นมีลักษณะการจ้างงานตลอดชีวิตจะส่งเสริมให้มีการฝึกงานอย่างค่อยเป็นค่อยไปทฤษฎี Z เป็นแนวคิดของการบริหารจัดการเชิงจินตนาการ
Henry Fayol : อังริ ฟาโยลเป็นบิดาของทฤษฎีการจัดการการปฏิบัติการ เขาเชื่อว่าการบริหารนั้นเป็นเรื่องของทักษะ จะศึกษาองค์การโดยรวมและมุ่งเน้นที่กิจกรรมการจัดการ
Max Weber : แมกซ์ เวเบอร์ เป็นนักสังคมวิทยา ชาวเยอรมัน ได้นำเสนอแนวคิดการจัดองค์การ ที่เรียกว่า bureaucracyซึ่งมี 6 ประการมีดังนี้ คือ
1.องค์การต้องมีการจัดแบ่งงานออกเป็นส่วนๆ เพื่อให้แต่ละส่วนงานได้มีโอกาสทำงานในส่วนที่ง่ายพอ และมีการกำหนดงานนั้นๆให้ชัดเจนและไม่สับสน
2.องค์การนั้นต้องมีสายบังคับบัญชาตามลำดับชั้น
3.ระบบการคัดเลือกคนนั้นต้องกระทำอย่างเป็นทางการ
4.องค์การต้องมีระเบียบ และกฏเกณฑ์
5.ความไม่เลือกที่รักมักที่ชัง
6.การแยกระบบการทำงานออกเป็นสายอาชีพ
Luther Gulick : เป็นผู้คิดรูปแบบการบริหารจัดการโดยมีกิจกรรม 7 ประการมาใช้ในการบริหารจัดการ ในวงการบริหารจะรู้จักกิจกรรมทั้ง 7 ประการนี้เป็นอย่างดี มีคำย่อว่า POSDCORB(CO คือคำเดียวกัน)กิจกรรม 7 ประการมีดังนี้ คือการวางแผน , คือการจัดองค์การ , คือการสั่งการ , คือการ , CO คือการประสานงาน , คือการรายงาน และคือการงบประมาณ
Frederick Herzberg : ทฤษฎีเกี่ยวกับแรงจูงใจโดยเฟรเดอริค เฮิร์ซเบอร์ก (Frederick Herzberg) เขาได้ศึกษาเรื่องเกี่ยวกับแรงจูงใจของคน ซึ่งได้ผลสรุปว่าแรงจูงใจของมนุษย์จะประกอบด้วย 2 ปัจจัย คือ ปัจจัยภายนอก และ ปัจจัยภายใน ปัจจัยภายนอกจะทำให้คนพึงพอใจได้ในเบื้องต้นและจะมีผลต่อคนอยู่ไม่นานนัก ส่วนปัจจัยภายในจะก่อให้เกิดแรงจูงใจกับคนอยู่ได้นานกว่าปัจจัยภายนอก
Frederick W. Taylor : เทย์เลอร์ ได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่งการจัดการตามหลักวิทยาศาสตร์ ปรัชญาการบริหารของเขาได้แก่ 
1.ทำการศึกษางานแต่ละส่วนด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์และพัฒนาวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับการทำงานแต่ละอย่าง
2.ใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ในการคัดเลือกและการฝึกอบรมพนักงานและมอบหมายความรับผิดชอบให้ทำงานที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละคน
3. มีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิดระหว่างผู้บริหารและพนักงาน
4. แบ่งงานและความรับผิดชอบในงานเป็นส่วนต่าง ๆ
 Henry L. Gantt : Gantt เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงที่สุดในด้านที่นำเอากราฟ "Gantt Chart" มาเป็นสื่อในการอธิบายแผน การวางแผน การจัดการ และการควบคุมองค์กรที่มีความสลับซับซ้อน เพื่อให้ผู้รับฟังเกิดมิติในการรับรู้มากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นแล้วเขายังได้คิดวิธีจ่ายค่าตอบแทนในการทำงานแบบใหม่ โดยใช้วิธีให้สิ่งจูงใจ
              Frank B. & Lillian M. Gilbreths : แนวคิดของ Gilbreth เน้นการกำจัดความสิ้นเปลือง และความไม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน โดยการหาวิธีการทำงานที่ดีที่สุดอย่างหนึ่ง การศึกษาที่สำคัญคือลักษณะการเคลื่อนไหวของร่างกายในการทำงาน ผังกระบวนการทำงาน พวกเขาได้นำกล้องเพื่อทำการถ่ายรูปเก็บข้อมูล นำมาใช้ศึกษาลักษณะการทำงานของมนุษย์ ศึกษาในเรื่องของเวลาและการเคลื่อนไหวเราจะเห็นได้ว่าบุคคลทั้งสองช่างเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ในยุคปัจจุบันการลดรอบการทำงาน หรือการลดระยะเวลาการทำงานเพื่อให้ได้งานเท่าเดิมหรือมากกว่าเดิมคือสิ่งจำเป็นที่หลายหน่วยงานจะต้องทำ ถือว่าเป็นเรื่องของการลดปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากการทำงาน สำคัญถึงขนาดจะต้องทำสัญญาต่อกันเลยว่าจะต้องปฏิบัติให้ได้ ถ้าทำไม่ถึงเกณฑ์ก็จะอดโบนัส หรือได้น้อยลงไป